top of page

อารยธรรมเมโสโปเตเมีย

              อารยธรรมเมโสโปเตเมีย กำเนิดขึ้นในบริเวณลุ่มแม่น้ำ 2 สายคือ แม่น้ำไทกรีส และแม่น้ำยูเฟรตีส ปัจจุบันอยู่ในประเทศอีรัก เป็นแหล่งอารยธรรมแห่งแรกของโลก มนุษย์ในอารยธรรมนี้ มักมองโลกในแง่ร้าย เพราะสภาพภูมิประเทศไม่เอื้อต่อการดำรงชีวิต ทำให้เกรงกลัวเทพเจ้า คิดว่าตนเองเป็นทาสรับใช้เทพเจ้า จึงสร้างเทวสถานให้ใหญ่โตน่าเกรงขาม เป็นสัญลักษณ์ที่ประทับของเทพเจ้าต่าง ๆ มีชุมชนหลายเผ่าตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้ ที่สำคัญได้แก่ สุเมเรียน อะมอไรต์ อัสซีเรียน คาลเดีย และชนชาติอื่น ๆ

สุเมเรียน (Sumerian)

               เป็นชนเผ่าแรกที่มีอำนาจครอบครองดินแดนเมโสโปเตเมียในบริเวณแถบลุ่มแม่น้ำไทกรีส และแม่น้ำยูเฟรตีส สิ่งที่นับเป็นอาอารยธรรม ได้แก่

  • มีระบบการเขียนที่เรียกว่า อักษรคูนิฟอร์ม ( Cuneiform )

  • มีระบบการปกครองที่เรียกว่า นครรัฐ เช่น เมืองอูร์ ( Ur ) อีเรค ( Erech ) ลากาซ ( Lagash )

  • สถาปัตยกรรม มีการก่อสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ เรียกว่า ซิกกูแรต ( Ziggurat )

  • วรรณกรรม มหากาพย์เรื่องแรกของโลก คือ กิลกาเมซ ( Epic of Gilgamesh ) เป็นเรื่องของการผจญภัยของวีรบุรุษที่แสวงหาชีวิตอันเป็นอมตะ และกล่าวถึงเหตุการณ์น้ำท่วมโลก

  • มีความรู้ด้านคณิตศาสตร์ เช่น

    • รู้จักการใช้จำนวนที่สามารถแบ่งออกเป็นส่วนย่อยได้มาก ๆ เช่น จำนวน12,24,60,90,360

    • การกำหนดมาตรา ชั่ง ตวง วัด

    • รู้จักวิธี คูณ หาร ยกกำลัง ถอดรากกำลังที่สองและที่สาม

    • การคำนวณหาพื้นที่ของวงกลม

       

       

       

       

       

       

       

       

       

อะมอไรต์ (Amorite)

              ได้จัดตั้งอาณาจักรบาบิโลเนีย ขึ้นมาซึ่งเป็นอาณาจักรที่เข้มแข็งมีการปกครองแบบศูนย์รวม มีการเก็บภาษีอากร การเกณฑ์ทหาร รัฐควบคุมการค้าอย่างใกล้ชิด ผลงานสำคัญได้แก่ ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี ยึดถือหลัก ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ในการลงโทษ กล่าวคือ ให้ใช้การทดแทนความผิดด้วยการกระทำอย่างเดียวกัน เป็นแบบอย่างของความพยายามที่จะให้เกิดความยุติธรรมในการปกครอง นับเป็น กฎหมายที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

อัสซีเรีย (Assyrian) 

 

           ได้เข้ายึดครองกรุงบาบิโลนและอาณาจักรต่างๆ ในเอเชียไมเนอร์ อัสซีเรียเป็นนักรบที่กล้าหาญ มีศูนย์กลางการปกครองที่เมืองนิเนเวห์ ( Nineveh ) ผลงานที่สำคัญ ได้แก่

  • ห้องสมุดนิเนเวห์ มีการเก็บรวบรวมงานเขียนที่เป็นแผ่นจารึกต่าง ๆไว้ถึง 22,000 แผ่น นับเป็นห้องสมุดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดสมัยนั้น สร้างโดยพระเจ้าอัสซูร์บานิปาล

  • การสลักภาพนูนต่ำ ( base relief ) เป็นมรดกทางศิลปกรรมที่สำคัญ แสดงภาพเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของชาวอัสซีเรีย ได้แก่ การล่าสัตว์ การทำสงคราม ศิลปวัฒนธรรมเจริญสูงสุดในสมัยพระเจ้าอัสซูร์บานิปาล

คาลเดีย (Chaldean) 

                เป็นชนเผ่าฮีบรู ที่เข้ายึดกรุงนิเนเวห์ได้สำเร็จและสถาปนา บาบิโลน ขึ้นเป็นนครหลวงอีกครั้ง จัดตั้งเป็นอาณาจักรบาบิโลเนียใหม่ มีผลงานสำคัญ ได้แก่

  • สวนลอยแห่งบาบิโลน ( Hanging Gardens of Babylon ) สร้างในสมัยพระเจ้าเนบูคัดเนซซาร์ ซึ่งถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ เพราะสามารถใช้ความรู้ในการชลประทานทำให้สวนลอยแห่งนี้เขียวขจีได้ตลอดปี สวนลอยแห่งบาบิโลน ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรตีส ทางตอนใต้ของกรุงแบกแดด ประเทศอิรักในปัจจุบัน สร้างโดยกษัตริย์เนบูคัดเนซซาร์ ( Nebuchadnezzar) แห่งกรุงบาบิโลเนีย เพื่อเป็นอุทยานพักผ่อนสำหรับพระมเหสีของพระองค์ เมื่อประมาณ 50 ปี ก่อนพุทธกาลหรือประมาณ 2600 ปีมาแล้ว สวนลอยบาบิโลนไม่ได้ลอยหรือแขวนอย่างชื่อ แต่เป็นสวนที่สร้างขึ้นสูงจากพื้นดินประมาณ 25 เมตร กว้าง 120 เมตร เหมือนลอยอยู่ในอากาศ สร้างเป็นชั้นๆ ปลูกไม้ดอกไม้ประดับ และพืชพันธุ์ต่างๆ สวยงามวิจิตรตระการตา ดั่งสวรรค์ของเหล่าเทวดาและนางฟ้า มีกำแพงล้อมรอบประดับประดาด้วยกระจกสี มีระบบทดน้ำจากแม่น้ำยูเฟรตีสขึ้นไปยังชั้นบน แล้วปล่อยให้ไหลลงมาสู่ชั้นล่างๆ เกิดความชุ่มชื้นแก่ต้นไม้ ทำให้สวนแห่งนี้สวยสดงดงามตลอดปี จนเป็นที่กล่าวขวัญและยกย่องในความมหัศจรรย์ไปทั่วแผ่นดิน แต่ปัจจุบัน สวนลอยแห่งนี้ทรุดโทรมและสูญสลายไปหมดแล้ว

  • มีความรู้ด้านดาราศาสตร์ สามารถพยากรณ์สุริยุปราคา , คำนวณเวลาการโคจรของดวงอาทิตย์ในรอบปีได้อย่างถูกต้อง

รายวิชา ประวัติศาสตร์สากล   ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6
bottom of page